เรื่องมันยาว

เพื่อนชาวจีนเพิ่งกลับบ้านไปด้วยความตื่นเต้น
กับการเดินทางมาโดยใช้ตั๋วเป็นแบบโอเพ่น
ด้วยสายการบินเชี่ยงไฮ้แอร์ไลน์ การบริการที่น่าประทับใจ
อย่างแรงของสายการบิน….
 
what do you want? what do you want? เมื่อโทรไปแจ้ง
ว่าต้องการเดินทางกลับวันไหน
เลยให้เพื่อนคุยกันเองพูดภาษาเดียวกันน่าจะเข้าใจ
ปรากฎว่าสายการบินแนะนำให้ซื้อตั๋วใหม่
เอากันเข้าไป แล้วจะไปซื้อที่ไหน
 
ตกลงก็เลยไปเสี่ยงดวงกันตอนสามทุ่มกว่าวันจันทร์
และแล้วก็ด้วยความใจดีของเจ้าหน้าที่
เพื่อนชาวจีน จิน ก็ได้กลับบ้านเสียที
 
 

 
ตอนมาตอนแรกก็ยังกลัวอยู่เลยเพราะเป็นเพื่อนที่เจอกันในเน็ต
วันที่ทำสเปซวันแรกนึกถึงแล้วก็ขำ  ป่วย ๆ เหมือนกันจากวันนั้น ก็ปีกว่า
เพื่อนเลยตัดสินใจเดินทางมาจากจีนเพื่อมาหาที่เรียนในภูเก็ต
 
ทุกคนคงงง แต่ผมเองงงกว่า มันจะมาในรูปแบบไหน 
แต่ไม่เป็นไร มีคนที่รักและเคารพที่สุดคนนึงเคยพูดไว้น่าฟัง เลยถือปฎิบัติ
(ตอนนี้จะอ่านอยู่ไหมนี่)
 
เรื่องเรียนผมถือว่าสำคัญที่สุด มันสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้
อีกอย่างคือโอกาส  
 
เมื่อพูดถึงเรื่องโอกาสก็จะนึกถึงสัตว์สองตัวตอนอยู่ปีสอง จาก"อาจารย์"
ตัวแรกคือ อีแร้ง กับตัวที่สองคือ หมา
 
ปัจจุบันก็เลยเลี้ยงหมา 4 ตัว น่าเสียดายอีแร้งเลี้ยงไม่ได้
เดี่ยวเพื่อนข้างบ้านด่าเอา !!!
 
 
 
สำหรับเรื่องข้างล่าง เป็นเรื่องของบุพเพสันนิวาส (เหอ ๆ) ที่เป็น
คนละเรื่องเดียวกันกับเรื่องเพื่อนผมทางเน็ตแต่
น่าจะเกิดประโยชน์เพราะเราอาจจะเจอคนไม่ดีได้
 
เรื่องจาก http://www.phuketonlinenews.com/ ของพี่ใจดีที่เคยร่วมงานกันหลายครั้ง
 
 

ถาม แปลกใจ ทำไมแค่คบกันทางเน็ตได้ครับ? ทั้งที่หลายคนไม่เคยเจอหน้ากัน อันนี้เป็นเพราะบุพเพสันนิวาสหรือว่าเพราะรูปแบบการคบหาทางเน็ตเป็นไปได้ลึกซึ้งกว่ารูปแบบการทำความรู้จักมักคุ้นแบบเห็นหน้าเห็นตากัน?

ต้องดูเป็นกรณีไปครับ บางคู่อาจเกิดจากบุพเพสันนิวาสจริง บางคู่ก็อาจเป็นแค่เหตุปัจจัยทางเน็ตมันเอื้อให้เกิดความรู้สึกจับใจ

ถ้าเป็นบุพเพสันนิวาส หมายถึงเคยอยู่ร่วมกัน และชาตินี้มาพบแล้วอยากถ้อยทีถ้อยอาศัย ถูกใจ อยากเกื้อกูลกัน เกิดความผูกพัน คบหาจริงจัง แล้วลงเอยที่การมาอยู่ครองเรือนอย่างมีความสุข ข้อนี้จะไม่มีความแตกต่างระหว่างการคบหาในเน็ตหรือนอกเน็ต พูดง่ายๆคืออินเตอร์เน็ตเป็นเพียงช่องทางให้คู่เก่ามาพบกันเท่านั้น ไม่ต่างจากที่คู่เก่าพบกันเพราะบ้านอยู่ใกล้ หรือเพราะบังเอิญไปวิ่งในสวนสาธารณะ หรือเพราะมาเจอในงานแต่งงานเพื่อน

ถ้าไม่ใช่บุพเพสันนิวาสอาละวาดถึงที่สุด ก็อาจออกทำนองที่ว่าคุยกันทางเน็ตแล้วปิ๊ง ยิ้มแย้มชุ่มฉ่ำหัวใจพองโตไปทั้งวัน แต่พอเจอกันจริงๆกลับยิ้มไม่ออก หัวใจห่อเหี่ยวแบบสูบลมอย่างไรก็ไม่ขึ้น คบไปคบมาเดี๋ยวเดียวก็เบื่อ และกลายเป็นเพื่อนทางเน็ตกันต่อแบบไม่มีการรอสัมพันธ์ขั้นอื่นอีก อย่างนี้ประกันได้ว่าคู่นั้นเจอโรคหลงเพ้อโดยอาศัยอินเตอร์เน็ตเป็นพาหะแพร่เชื้อแน่แล้ว

อันนี้เราก็ต้องมาทำความเข้าใจกันดีๆว่ารูปแบบความสัมพันธ์ผ่านตัวอักษรมันมีฤทธิ์มอมเมาเราได้อย่างไร เมื่อทำความเข้าใจอย่างดีก็จะมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงพอ และไม่ต้องเสียเวลาก่อร่างสร้างรักจอมปลอมให้เนิ่นนานเกินไป

ความเข้าใจข้อแรก คือไม่มีอะไรสะเทือนอารมณ์ได้แรงกว่าจินตนาการของเราเอง สิ่งใดก่อจินตนาการขึ้นในหัวคุณได้เข้มข้นและต่อเนื่อง สิ่งนั้นชนะใจคุณไปทั้งหมดหรือเกือบหมดสิ้นแล้ว การที่คุณเริ่มรู้จักใครสักคนแบบไม่รู้หน้า แต่รู้ความคิดของเขา มันทำให้คุณก้าวข้ามขั้นตอนการตัดสินกันอย่างผิวเผินด้วยตาเปล่า เดินทะลุเข้าไปถึงเนื้อแท้ทางจิตใจของอีกฝ่ายโดยตรง ภาษาของใครเป็นอย่างไร หน้าตาในจินตนาการของเขาก็เป็นไปตามนั้น นี่เป็นหลักกรรมวิบากดีๆนี่เอง ถ้าพูดดี พูดฉลาด พูดคม พูดให้คนฟังเป็นสุข ผลจะเป็นใบหน้าโสภาน่าพิสมัย แม้วิบากยังไม่ปรากฏชัดๆเหมือนเกิดใหม่ในชาติหน้า แต่ก็แจ่มจ้าในมโนทวารของคนฟังหรือคนอ่านอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว ถ้าคุณติดกับจินตนาการของตัวเอง ก็เท่ากับคุณหลงรักเทวดานางฟ้าบนวิมานในอากาศซึ่งอาจจะไม่เคยมีตัวตนตามฝันเลยก็ได้

ความเข้าใจข้อที่สอง คนเราชอบการค้นพบน่าระทึก การเริ่มต้นสื่อสารผ่านเน็ตมีอะไรให้ลุ้นเยอะ ตัวตนที่แท้จริงจะเหมือนตัวอักษรที่เขาระบายให้เห็นไหม หน้าตาของเขาจะหล่อหรือสวยกว่าที่คุณคิดแค่ไหน น้ำเสียงจะสะกดให้อยากนิ่งฟังเพียงใด ฐานะทางบ้านรวยหรือจนกว่ากัน การลุ้นนั่นแหละครับทำให้ใจคุณจดจ่อกับเขาได้เรื่อยๆ ซึ่งการจดจ่อกับใครอยู่เรื่อยๆก็คืออาการเดียวกับการครุ่นคิดหรือเฝ้าฝันถึงคนรักนั่นเอง เมื่อใจใครจดจ่อกับใครจนรู้สึกถึงแรงดึงดูดระหว่างกัน แรงดึงดูดนั้นก็ให้รสเป็นสุขที่น่าพิศวง ต่างฝ่ายต่างจะอุปาทานไปว่ารักกันอย่างเหลือล้น ก็เพราะความสุขซึ่งเกิดจากใจทะยานไปค้นหาให้ถึงที่สุดนั่นเอง ยิ่งคบกันแบบไม่พบเจอนานเท่าไหร่ ความผูกพันบนรากฐานของการรอค้นพบขั้นสุดท้ายยิ่งเหนียวแน่นมากขึ้นเท่านั้น

ความเข้าใจข้อที่สาม (ซึ่งไม่ใช่ข้อสุดท้าย แต่นำมากล่าวไว้ท้ายสุดในที่นี้) เมื่อใดกำแพงทิฐิต่ำ คนเราจะคบกันด้วยความรู้สึกสบายใจและเป็นตัวของตัวเอง การคุยทางเน็ตจะทำให้คุณรู้สึกว่าต้องระวังตัวน้อยลง ถ้าไม่ถูกใจก็แค่เลิกคุยกัน แตกต่างจากการคบหาแบบเห็นหน้า ที่ถ้าทอดสนิทแล้วตัดสัมพันธ์ยากกว่ากันเยอะ เรื่องผลประโยชน์ทางการเงินหรือความหวังประโยชน์ทางเพศนั้น ถ้าจะมีก็ถูกยืดเวลาให้ห่างออกไป ความสบายใจกับการเปิดอกคุยได้ทุกเรื่องนี่แหละตัวที่ทำให้สำคัญว่าเป็นความรักได้เหนือสิ่งอื่นใด เพราะคนส่วนใหญ่หวังมากที่สุดคือเจอใครสักคนที่คุยถูกคอ ทำให้หายเหงา แถมไม่ต้องคิดมากกับสัมพันธภาพใดๆ ไม่มีข้อผูกมัดแน่นหนาเพียงด้วยตัวอักษร

จะเห็นว่าเฉพาะคุณสมบัติหลักๆของการสื่อสารผ่านเน็ตดังกล่าวมา ก็เพียงพอจะถักทอให้เกิดความผูกพันและสายใยความรู้สึกดีๆไม่มีจำกัด ได้ยินจนเบื่อแล้วว่าพบรักข้ามโลก ยอมโยกย้ายถิ่นฐาน ยอมเรียนภาษาของแฟน ก็เพียงเพราะพบรักทางอินเตอร์เน็ต (ถ้าอุปสรรคมากนัก ผมไม่ให้คะแนนว่าเคยทำบุญร่วมกันมาแน่นหนานัก แต่อาจต่างฝ่ายต่างเป็นคนมีบุญ และสามารถเข้ากันได้โดยธาตุนิสัย)

สรุปความรู้สึกอบอุ่นใจทางเน็ตก็ดี ความวาบหวามกับคำพูดเล็กๆน้อยๆที่แสดงความอาทรผ่านเน็ตก็ดี เสน่ห์น่าติดหลงของคนที่คุณไม่รู้ว่าตัวจริงเป็นอย่างไรก็ดี เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องอาศัยบุพเพสันนิวาส ฉะนั้นอย่าแปลกใจหากเจอตัวจริงแล้วคุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเหมือนกับที่เคยรู้สึกยามสนทนากันผ่านเน็ต เพราะในชาติใกล้เขากับคุณอาจไม่ร่วมบุญมากพอจะทำให้รู้สึกดียามเคียงกัน อินเตอร์เน็ตอาจเปรียบเหมือนชาติก่อนทางอารมณ์ เป็นทุนให้คุณคบกันด้วยความเข้าอกเข้าใจง่ายกว่ารูปแบบการคบหาปกติ แต่ไม่เป็นประกันว่าการคบหาปกติจะรักษาความรู้สึกดีๆเมื่อครั้งยังคุยกันทางเน็ตไว้ได้

และสำหรับท่านสุภาพสตรี เดี๋ยวนี้เท่าที่ทราบมีเยอะนะครับ ผู้ชายปากหวานทางเน็ตเพื่อหวังผลทางเพศท่าเดียว คดีอาชญากรรมทางเพศที่มีชนวนมาจากเน็ตนั้น สืบๆแล้วพวกเสือหิวมักเห็นว่าเป็นช่องทางที่ลงทุนต่ำ แถมไม่ต้องปรากฏโฉมเป็นที่รู้จักของญาติมิตรฝ่ายสาว ขอเพียงจิตวิทยาดี ล่อลวงมาพบกันสองต่อสองได้ โอกาสจะมอมยาหรือหลอกพาไปไหนต่อไหนก็สะดวก พอเกิดคดีสะเทือนขวัญก็สืบหาตัวยากด้วยประการฉะนี้

ที่สุดคืออย่าเชื่อใจใครง่ายๆ การแฝงตัวอยู่ในเน็ตของทรชนนั้นทำได้ง่าย และถ้าทำเป็นอาชีพแล้วย่อมเกิดทักษะความชำนาญ ความแยบยล คุณรู้เสียที่ไหนว่าระหว่างปากหวานกับคุณเขาปากหวานกับอีกกี่คนพร้อมกัน ฉะนั้นต่อให้เคยโทร.คุยกันแล้ว เหมือนไว้ใจกันได้แล้ว นัดครั้งแรกก็ควรพาเพื่อนหรือพี่น้องไปด้วยเยอะๆ โอกาสเกิดคดีล่อลวงอนาจารจะได้ลดน้อยลง อย่างน้อยก็มีคนเห็นหน้าเห็นตาเขาถนัดถนี่ จะลงมือคงยั้งคิดบ้างครับ

ข้อความนี้ถูกเขียนใน Uncategorized คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

2 ตอบกลับที่ เรื่องมันยาว

  1. JIN HEUNG พูดว่า:

    hey what were you talk about sir? if you write something to laugh at me i will put your funny  pics on the bbs haha!! good luck!!

  2. 诗苑 พูดว่า:

    hi,my friend’s friend,do you remeber me?i have answered your tel~shining smile and chinese music about Thailand~best wishes!

ใส่ความเห็น